top of page

#วันก่อนครูโรสพาหลานชายวัยเจ็ดขวบ ลูกครูแอนนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเข้าเมือง
เมื่อเราเดินเข้าโบกี้ที่มีผู้คนเนืองแน่น
ก็มีผู้ชายวัยรุ่นใจดีคนหนึ่งที่นั่งอยู่ ลุกขึ้นให้หลานนั่ง
โดยอัตโนมัติ หลานชายครูกล่าวขอบคุณพี่คนนี้
ตัวครูเองก็ขอบคุณน้องคนนี้เช่นกัน

หลานบอกป้าว่า
"หนูขึ้นรถไฟฟ้าทีไร มีคนลุกให้หนูนั่งทุกครั้งเลย"
สุ้มเสียงดูภูมิใจและดีใจที่มีคนทำอะไรดีๆให้
ป้าถามกลับว่า
"แล้วหนูคิดไหมว่าทำไมพี่เขาถึงลุกให้หนูนั่ง ทั้งที่พี่เขาก็ไปเรียนมาเหนื่อยๆ ก็ต้องอยากนั่งเป็นธรรมดา"
หลานครูเงียบไป แล้วตอบว่า
"พี่เขาเหนื่อยแต่ยังลุกให้หนูนั่ง พี่เขาใจดีมั๊ง"
เมื่อได้ทีจึงสอนเขาว่า
"พี่เขายอมเสียสละลุกให้หนูนั่ง เพราะคิดแล้วว่าเขายอมเมื่อย ดีกว่าให้เด็กอย่างหนูยืนเมื่อย
พี่เขาให้ความสบายแก่หนูนะลูก"

"สิ่งที่หนูทำดีมากเลย ที่ขอบคุณพี่เขาทันที
ป้าไม่ต้องบอกเลย ดีมากครับ"
...........................................

#เพราะนิสัยการรู้คุณและรู้ค่าของคนอื่นสิ่งอื่น
#ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
#แต่ได้มาจากการสอนสั่งโดยพ่อแม่

เวลาที่ใครทำอะไรให้เรา ดูแลเรา
ทำสิ่งดีให้เรา
มันเท่ากับว่า
เขาได้สละอะไรบางอย่าง
เขากำลังยอมเหนื่อยมากขึ้น
กำลังอดทนมากขึ้น
หรือใจเย็นมากขึ้น
หรือสละเวลาอันมีค่า
เพื่อทำบางสิ่งบางอย่างให้คุณ
ดังเช่นพ่อแม่ที่เสียสละทุกอย่างให้ลูก

การสอนสั่งให้ลูกหลานรู้จักขอบคุณผู้ให้อะไรก็ตามแก่เขา
คือหนึ่งในวิธีสอนให้เขาเห็นค่าของผู้อื่น สิ่งอื่น
และเป็นการสอนขั้นต้นของความกตัญญูรู้คุณ

เราสามารถเริ่มได้ตั้งแต่กล่าวขอบคุณผู้ให้บริการ เช่นพนักงานเสิร์ฟ
โดยเราพ่อแม่ต้องเป็นผู้ปฏิบัติให้ดูก่อน
หลายคนอาจแย้งว่าจะขอบคุณผู้ให้บริการทำไม
ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของเขา และฉันจ่ายเงิน
ถ้าเรามีทัศนคติเช่นนี้
นั่นอาจแปลว่าเราต้องอบรมใจเราเองมากขึ้นในเรื่องคุณค่าของคน

การกล่าวขอบคุณผู้ให้บริการนอกจากจะเป็นมารยาทสังคมที่ดีที่ควรส่งเสริมแล้ว
ยังเป็นการฝึกพฤติกรรมบวกในด้านการเห็นคุณค่าของผู้อื่นด้วย

เพราะอะไรเราจึงต้องฝึกให้ลูกเห็นคุณค่าและชื่นชมการให้ของผู้อื่น
เหตุผลหนึ่งก็คือ
เพราะเราอยู่ในโลกที่คนจำนวนมากคิดว่า
การเย่อหยิ่ง 
การเหยียดผู้อื่น 
การไม่เห็นการมีอยู่ของผู้อื่นคือความโก้เก๋
คนจะเก๋ต้องหน้าเชิด ดูหยิ่งๆ ดูไม่เห็นหัวใคร
มันใช่หรือ
ลูกต้องโตมาเป็นคนเก๋ๆแบบนี้หรือ
...........................................
ก็เพราะการชื่นชมค่าของผู้อื่นคือทักษะการใช้ชีวิต
ที่จะทำให้เขาโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลก
เข้าใจความรู้สึกผู้อื่น
เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ซึ่งจะทำให้เขามีสุขภาพจิตที่ดี และเป็นที่รัก

เมื่อหลายปีก่อน ครูเคยเจอเด็กวัยรุ่นสองคน ในเวลาและสถานที่เดียวกัน
คนหนึ่งมีพ่อแม่ฐานะดี แต่เจ้าตัวกลับมีนิสัยเย่อหยื่ง และแสดงออกเหยียดผู้อื่น
ในขณะที่อีกคนพ่อแม่เข้าขั้นมหาเศรษฐี แต่น้องคนนี้กลับมีกิริยามารยาทน่ารักน่าชื่นชม ถ่อมตัว และเป็นผู้ดีที่มีอัธยาศัย
มองออกไหมคะว่าเด็กคนไหนเป็นที่น่ารักน่าชื่นชมมากกว่ากัน
และแน่นอนว่าเราไม่ได้ชื่นชมที่ความร่ำรวย
.............................................

หลังจากที่หลานชายของครูกล่าวขอบคุณพี่ชายวัยรุ่นใจดีคนนั้น
ครูมั่นใจว่าครูเห็นน้องคนนั้นมีความสุขและมีความยินดีที่ได้ยินคำขอบคุณจากเด็กชายที่เขาลุกให้นั่ง
ขณะเดียวกันครูก็เห็นความรู้สึกของหลานที่เขารับรู้ถึงความมีน้ำใจของผู้อื่น
และยินดีรับน้ำใจนั้นด้วยความชื่นชม
#เพราะคำขอบคุณนั้นมีพลังต่อใจผู้รับและใจผู้พูดนั่นเอง

ขอบคุณแนวคิดจาก Teaching Children to Be Grateful.www.parent.com
ขอบคุณภาพจาก pixabay.com

18.jpg

Follow Us

  • Line
  • White Instagram Icon

Contact

สาขาเหม่งจ๋าย

Mengjai Branch

Tel. 02-530 9631, 082-4394591, 091-451 6251

สาขาวัชรพล

Watcharapol Branch

Tel. 096-889 9924, 096-889 9656, 096-889 9699

สาขาพระราม 2

Rama 2 Branch

Tel. 02-101 9955, 065-593 9493, 065-593 9793

สาขาราชพฤกษ์

Ratchapruek Branch

Tel. 091-549 4591, 091-549 4592, 091-549 4698

bottom of page