top of page
28.jpg

#พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกมีความสุข
แต่หลายๆคนสร้างความสุขให้ลูกผิดทาง
อาจเพราะความไม่รู้
หรือเพราะอยากทดแทนปมในใจตัวเอง
จึงส่งผลให้เด็กๆกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขที่ขึ้นอยู่กับการเอาแต่ใจตัวเอง

หรือบางคนโตมาไม่มีความสุข
เพราะไม่ได้รับการเสริมในสิ่งที่ควรมี
การทำให้ลูกมีความสุขนั้น
ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเท่านั้น
แต่เราสามารถใช้เวลา ใช้การเปลี่ยนความเห็น
ใช้การให้ความสำคัญกับครอบครัว และใช้การสื่อสาร
ในการสร้างลูกให้มีความสุขมากขึ้น

10 ข้อที่เรียบเรียงมาให้นี้ มีผลวิจัยรองรับนะคะ
ลองอ่านแล้วทำตามได้เลยค่ะ
บางคนอาจทำอยู่แล้วทั้ง 10 ข้อ
มั่นใจว่าลูกๆต้องเป็นเด็กที่มีความสุขแน่ๆค่ะ

1.#ลูกๆต้องมีเวลาเล่นมากกว่านี้
บทความหนึ่งในวารสาร American Journal of Play
บอกว่าเด็กๆมีเวลาเล่นน้อยลงอย่างมาก
ทั้งๆที่การไม่ได้เล่นนั้น
มีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
ส่งผลให้เด็กๆมีอารมณ์แง่ลบสูงขึ้น
เช่นวิตกกังวล ซึมเศร้า ไม่มีสมาธิ
และควบคุมอารมณ์ไม่ได้
Dr.Peter Gray ,Boston College บอกว่าตั้งแต่ปี 1955
การเล่นอย่างเป็นอิสระของเด็กๆลดลงเป็นอย่างมาก
ส่วนหนึ่งเพราะพ่อแม่มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง
หรือจัดกิจกรรมให้
ด็อกเตอร์กล่าวว่า การเล่นอย่างเป็นอิสระนั้น
คือการเล่นเองของเด็กๆ คิดเอง เล่นเอง
แก้ไขเอง และจบการเล่นนั้นเอง

2.#ชมเชยลูกที่การกระทำและความพยายามของเขา
Stanford psychology Professor Carol S. Dweck แนะนำว่า
เรารู้ว่าลูกเราฉลาด ลูกเราเก่ง ลูกเราดี
แต่อย่าเพิ่งชมเขาแบบนั้น ให้ชมเขาที่การกระทำ
ชมเขาที่ความพยายาม ชมเขาที่ความมุ่งมั่นของเขา
มันดีกว่ามากที่จะชมเชยเขาที่การกระทำและความพยายาม
มากกว่าบอกแบบสรุปว่าเก่งและดี เช่น
"หนูพยายามฝึกดีมากลูก จนขี่จักรยานคล่องแล้ว"

แบบนี้ดีกว่าประโยคข้างล่างนี้ค่ะ

"หนูขี่จักรยานเก่งมากลูก"

3.#ส่งเสริมวัฒนธรรมประจำครอบครัว
แต่ละครอบครัวมีประเพณีนิยมต่างกัน 
บางครอบครัวการไปเที่ยวด้วยกันต้องมีทุกปี
บางครอบครัวการทานข้าวเย็นด้วยกันคือสิ่งจำเป็น
บางครอบครัววันอาทิตย์คือวันที่ทุกคนจะอยู่ด้วยกันไปไหนด้วยกัน
การมีกิจกรรมหรือตารางชีวิตที่สม่ำเสมอ เป็นกิจวัตร
จะทำให้เด็กๆมีความสุข เพราะเด็กๆชอบอะไรที่สม่ำเสมอ 
เป็นไปตามตาราง คาดหวังได้ รู้ว่าจะได้ทำอะไร
และสำคัญคือมันเป็นกิจกรรมที่ทำทั้งครอบครัวค่ะ

4.#เด็กๆต้องทำการบ้านของพวกเขาเอง
การช่วยลูกทำการบ้าน ต่างจากการช่วยทำการบ้านให้ลูก
การบ้านของลูกลูกเป็นคนทำ จะทำได้หรือไม่ได้คืออีกเรื่องหนึ่ง
ที่เราจะเข้าไปช่วยแนะนำทีหลัง
แต่ลูกต้องทำการบ้านเองก่อน ทำให้เสร็จด้วยตัวของหนูเอง
นั่นแปลว่าหนูมีศักยภาพในการทำอะไรเอง

เป็นการสร้างทัศนคติให้หนูรู้ว่าหนูทำอะไรเองได้

5.#สอนลูกว่าอารมณ์แง่ลบเป็นสิ่งที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน
บางทีคำแนะนำการเลี้ยงลูกที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของเด็ก
ก็มักทำให้พ่อแม่อย่างเราหลงประเด็นว่า
เด็กต้องดี ต้องเชื่อฟัง ต้องว่าง่าย
จนทำให้เด็กๆไม่รู้ว่า แล้วอารมณ์แง่ลบที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
เมื่อเด็กๆใส่อารมณ์ จึงถูกแปะป้ายว่าเป็นเด็กดื้อ
พ่อแม่ต้องสอนให้เด็กๆเข้าใจว่าอารมณ์แง่ลบนั้นมีอยู่จริง

มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน มีทั้งอารมณ์ที่ดีและไม่ดี
ไม่มีเด็กคนไหนอยากโกรธ อยากเศร้า อยากกลัว
เพราะอารมณ์เหล่านี้ทำให้เขารู้สึกแย่
ในฐานะพ่อแม่เราต้องแยกให้ออก
ให้ลูกเข้าใจว่าอารมณ์แง่ลบนั้นมีอยู่
แต่หนูต้องรู้จักจัดการกับมัน
หนูต้องเข้าใจและรู้จักควบคุมมัน

แล้วหนูจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติและเป็นสุข

6.#ลูกๆต้องหัดแพ้บ้างล้มเหลวบ้าง
การแพ้การล้มเหลวได้ชื่อว่าเราได้ลองทำสิ่งนั้นแล้ว
ถ้าเขาไม่ล้มเหลว ถ้าเขาไม่เคยแพ้
แปลว่าเขาไม่เคยลองทำอะไรใหม่ๆเลย

7.#ไม่เปรียบเทียบลูกกับพี่หรือน้องกับเพื่อนหรือใครๆ
พ่อแม่มักเผลอ "ยกตัวอย่าง" พี่หรือน้องหรือเพื่อน ให้ลูกๆฟัง
ว่าเขาดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ หนูต้องทำให้ได้อย่างเขา
เราเปรียบเทียบเพราะเราอย่างให้ลูกเป็นอย่างนั้นบ้าง
แต่สิ่งที่ลูกรับรู้และได้ยินก็คือ
คนอื่นเก่ง คนอื่นดี หนูไม่เก่ง หนูไม่ดีอะไรเลย

เราต้องหยุดเปรียบเทียบ
เพราะมันไม่สร้างแรงจูงใจใหเด็กเลย
มีแต่สร้างความมั่นใจให้ต่ำลง
และเพิ่มความน้อยใจให้เกิดขึ้น

8.#สร้างความทรงจำดีๆให้มีขึ้น
ความทรงจำที่ดีในวัยเยาว์เป็นเหมือนเครื่องหมายแห่งความสุข
ที่ทำเครื่องหมายถูกอยู่ในใจจนเขาเติบใหญ่
ความทรงจำที่ดีในวัยเยาว์คือสัญญลักษณ์แห่งความรักความอบอุ่นของครอบครัว
ที่จะทำให้เขารู้ว่าเขาได้รับความรักมาตลอดตั้งแต่เล็ก
การใช้ชีวิตไปวันๆโดยไม่มีอะไรประทับจิต
ตราตรึงใจ จะกลายเป็นความทรงจำที่ดีได้อย่างไร
บางสิ่งเล็กๆก็สร้างความทรงจำฝังแน่นไปจนโต
ลองนึกดูนะคะว่า
มีความทรงจำอะไรบ้างในตอนเด็กที่ทำให้เรามีความสุข
และนั่นแหละค่ะคือสิ่งที่เราพ่อแม่จะสร้างขึ้นให้เขาในวันนี้

9.#เป็นพ่อแม่ที่มีความสุข
พูดง่ายแต่อาจทำยาก แต่ทำได้แน่นอนค่ะ
การเป็นต้นแบบให้ลูกคือวิธีการสอนลูกที่ดีที่สุดค่ะ
เป็นพ่อแม่ที่มีความสุข
ลูกก็จะมีความสุขตาม
เป็นพ่อแม่ที่เอาแต่ทุกข์ ลูกจะเป็นเช่นนั้นตาม
Carolyn Pape Cowan and Philip Cowan, นักจิตวิทยาจาก 
University of California 
สรุปว่าพ่อแม่ที่ดูแลความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ให้ดี ดูแลตัวเองทั้งกายและใจให้ดี
ส่งผลดีให้ลูกเห็นว่าเป็นพ่อแม่ที่มีความสุข

10.#ไม่ทะเลาะกันหรือโต้เถียงเรื่องใหญ่ๆต่อหน้าลูก
หลายๆเรื่องในชีวิตก็ควรให้เด็กอยู่ส่วนเด็ก
ผู้ใหญ่ส่วนผู้ใหญ่
เรื่องใหญ่ๆในชีวิตเช่นย้ายบ้าน ปัญหาการเงิน ย่ายายป่วยหนัก
ก็ควรจะคุยกันในเวลาที่ลูกไม่อยู่ใกล้ไม่ได้ยิน
เพราะเราต้องระวังเด็กๆในการได้ยินเรื่องราวเหล่านี้
เพราะเด็กๆมักเอาไปสรุปว่าเกิดความสั่นคลอนในชีวิต
จนเกิดความไม่สบายใจ เกิดความวิตกกังวล

เมื่อเราไม่โต้เถียงต่อหน้าลูก
แต่เราคุยกันจนได้ข้อสรุป จึงค่อยบอกลูกให้เข้าใจ
การทำเช่นนี้ทำให้เกิดการกระทบจิตใจน้อยกว่า

ในอีกประเด็นหนึ่ง
เด็กๆไม่ควรได้ยินพ่อหรือแม่ด่าว่าอีกฝ่าย
เด็กๆไม่ควรได้เห็นพ่อหรือแม่ใช้ความรุนแรงกับอีกฝ่าย
การเห็นต่างและการหาข้อสรุปต้องเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์
ไม่ทำลายความสัมพันธ์ ไม่บ่มเพาะความเกลียดชัง

การมีชีวิตคู่ที่ไม่เคยขัดแย้งกันเลยไม่มีอยู่จริง
คู่พ่อแม่ที่รู้จักจัดการกับอารมณ์ รู้จักควบคุมอารมณ์
และหาทางแก้ไขปัญหา
จะทำให้เด็กๆรู้ว่าความต่างเป็นเรื่องธรรมชาติ
และถึงจะต่างเราก็อยู่ร่วมกันได้

ขอบคุณข้อมูลจาก 
WANT HAPPIER KIDS? TRY THESE 10 SCIENTIFICALLY PROVEN TIPS by Alli Worthington www.babble.com
ขอบคุณภาพจาก pixabay.com

bottom of page